ผู้เขียน: Safety Master
หลักสูตร ผู้อนุญาต
หลักสูตรความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ สำหรับผู้อนุญาต
ใบสมัครอบรม
รายละเอียดวิชา
ราคา 15,000 บาท / จำนวน 30 ท่าน (ไม่รวม VAT 7 %)
หลักสูตร ผู้ควบคุมงาน
หลักสูตรความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ สำหรับผู้ควบคุมงาน
ใบสมัครอบรม
รายละเอียดวิชา
ราคา 27,500 บาท / จำนวน 15 ท่าน (ไม่รวม VAT 7 %)
หลักสูตรที่อับอากาศ 4 ผู้ 37,500 บาท
หลักสูตรความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ สำหรับผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือ และผู้ปฏิบัติงาน
หลักสูตร: ความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ
SMOHS 22
1) หลักการและเหตุผล
กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยละสภาพแวดล้อมในการทำงานในที่อับอากาศ พ.ศ. 2562 และประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและหลักสูตรการฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ พ.ศ. 2564 และประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่องกำหนดมาตรฐานอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล อุปกรณ์ช่วยเหลือและช่วยชีวิตสำหรับการทำงานในที่อับอากาศ
2) วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกจ้างได้รับอันตรายจากการทำงานในที่อับอากาศ ซึ่งอาจจะทำให้ขาดอากาศหายใจ หรือได้รับอันตรายจากสารพิษรวมถึงการบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยจากการทำงานในที่อับอากาศ
3) ขอบเขตการบังคับ
ใช้บังคับนายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไปในสถานประกอบกิจการที่มีที่อับอากาศ
4) ผลที่คาดว่าจะได้รับ
หลังจากการฝึกอบรมผู้เข้าอบรมได้รับความรู้ มีความเข้าใจ ถึงหลักการและวิธีปฏิบัติงานในที่อับอากาศได้อย่างปลอดภัย
5) กลุ่มเป้าหมาย
ผู้อนุญาต ผู้ควบคุม ผู้ช่วยเหลือ ผู้ปฏิบัติงานในที่อับอากาศและท่านที่สนใจสำหรับการบริหารการจัดการด้านความปลอดภัยฯ
6) กำหนดการฝึกอบรม
หลักสูตรการฝึกอบรมสำหรับ ผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือและผู้ปฏิบัติงาน
จำนวน 4 วัน ระยะเวลา 24 ชั่วโมง ( ทฤษฎี15 ชั่วโมง ปฏิบัติ 9 ชั่วโมง ) ตามกฏหมายใหม่ 2564
15 ท่าน 37,500 บาท
30 ท่าน 47,500 บาท
ข้อหารือแรงงาน
การอบรมการทำงานในที่อับอากาศโดยนายจ้าง สามารถทำงานที่บริษัทอื่นได้
ใบสมัครอบรม
รายละเอียดวิชา
ประกาศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ พรบฯ. 2554
เปิดอบรมหลักสูตรบุคลากรเฉพาะ
หลักสูตร: บุคลากรเฉพาะรับผิดชอบการจัดเก็บวัตถุอันตราย SMOHS 19
บริษัทเซฟตี้มาสเตอร์ จำกัด เปิดอบรมหลักสูตรบุคลากรเฉพาะรับผิดชอบการจัดเก็บวัตถุอันตราย
เน้นเจาะลึกแนวข้อสอบ เพื่อสอบเป็นบุคลากรเฉพาะ ตามหลักสูตร ความปลอดภัยการเก็บรักษาวัตถุอันตราย ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด
ตารางอบรมบุคลากรเฉพาะ





วิทยากร อาจารย์ชเยศ แก้วลิบ
-
วิทยากรสมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน ( ประเทศไทย )
-
กรรมการบริหาร บริษัท เซฟตี้ มาสเตอร์ จำกัด
อัตราค่าลงทะเบียน 1,926 บาท/คน (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)
หมายเหตุ ค่าลงทะเบียนรวมค่าวิทยากร/เอกสารอบรม/วุฒิบัตร/ค่าอาหารกลางวัน /อาหารว่างเช้า-บ่าย
การทำงานในที่อับอากาศ


อุบัติเหตุจากการทำงานในที่อับอากาศ ส่วนใหญ่สาเหตุการเสียชีวิต คือ 1.การขาดอากาศหายใจ 2. การระเบิด 3. การสูดสารพิษ ดังนั้นลูกจ้างที่เข้าทำงานในที่อับอากาศ ควรมีความรู้ ความเข้าใจถึงหลักการทำงานในที่อับอากาศ เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน
ที่อับอากาศ หมายความว่า ที่ซึ่งมีทางเข้าออกจำกัดและมีการระบายอากาศไม่เพียงพอที่จะทำให้อากาศภายในอยู่ในสภาพถูกสุขลักษณะและปลอดภัย เช่น อุโมงค์ ถ้ำ บ่อ หลุม ห้องใต้ดิน ห้องนิรภัย ถังน้ำมัน ถังหมัก ถัง ไซโล ท่อ เตา ภาชนะหรือสิ่งอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน
ซึ่งอันตรายในที่อับอากาศ คือ บรรยากาศอันตราย เรามาดูความหมายของบรรยากาศอันตราย ตามนิยามของกฏหมายครับ
บรรยากาศอันตราย หมายความว่า สภาพอากาศที่อาจทำให้ลูกจ้างได้รับอันตรายจากสภาวะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
1. มีออกซิเจนต่ำกว่าร้อยละ ๑๙.๕ หรือมากกว่าร้อยละ ๒๓.๕ โดยปริมาตร
2. มีก๊าซ ไอ ละอองที่ติดไฟหรือระเบิดได้ ซึ่งมีค่าความเข้มข้นขั้นต่ำของสารเคมีแต่ละชนิดในอากาศที่อาจติดไฟหรือระเบิดได้ (Lower Flammable Limit หรือ Lower Explosive Limit)
3. มีฝุ่นที่ติดไฟหรือระเบิดได้ ซึ่งมีค่าความเข้มข้นเท่ากันหรือมากกว่าค่าความเข้มข้นขั้นต่ำของสารเคมีแต่ละชนิดในอากาศที่อาจติดไฟหรือระเบิดได้ (Lower Flammable Limit หรือ Lower Explosive Limit)
4. มีค่าความเข้มข้นของสารเคมีของแต่ละชนิดเกินมาตรฐานที่กำหนดตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดมาตราฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย
หลักการทำงานในที่อับอากาศอย่างปลอดภัย
1.ตระหนัก และประเมินถึงอันตรายในที่อับอากาศ ซึ่งในที่นี่้ คือ บรรยากาศอันตราย รวมถึงอันตรายอื่นๆที่อาจทำให้ลูกจ้างเสียชีวิตได้
2. ควบคุมอันตราย ดังนี้
- การติดป้าย สถานที่อับอากาศ อันตรายห้ามเข้า รวมถึงป้ายห้าม ป้ายเตือน ต่างๆ
- ใบอนุญาตทำงาน (work permit)
- การระบายอากาศ
- การตรวจวัดอากาศ
- การเตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือและช่วยชีวิตขณะทำงาน เช่น รอก เชือก ไตรพอด SCBA
- แผนฉุกเฉิน ทีมกู้ภัย
หากท่านสนใจอบรมความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ สามารถติดต่อได้ที่ อ.ชเยศ (อ.ป๊อบ) 086-757-4837 , 094-141-6966
หลักสูตร: ความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ
SMOHS 22
1) หลักการและเหตุผล
กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยละสภาพแวดล้อมในการทำงานในที่อับอากาศ พ.ศ. 2562 และประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและหลักสูตรการฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ พ.ศ. 2564 และประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่องกำหนดมาตรฐานอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล อุปกรณ์ช่วยเหลือและช่วยชีวิตสำหรับการทำงานในที่อับอากาศ
2) วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกจ้างได้รับอันตรายจากการทำงานในที่อับอากาศ ซึ่งอาจจะทำให้ขาดอากาศหายใจ หรือได้รับอันตรายจากสารพิษรวมถึงการบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยจากการทำงานในที่อับอากาศ
3) ขอบเขตการบังคับ
ใช้บังคับนายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไปในสถานประกอบกิจการที่มีที่อับอากาศ
4) ผลที่คาดว่าจะได้รับ
หลังจากการฝึกอบรมผู้เข้าอบรมได้รับความรู้ มีความเข้าใจ ถึงหลักการและวิธีปฏิบัติงานในที่อับอากาศได้อย่างปลอดภัย
5) กลุ่มเป้าหมาย
ผู้อนุญาต ผู้ควบคุม ผู้ช่วยเหลือ ผู้ปฏิบัติงานในที่อับอากาศและท่านที่สนใจสำหรับการบริหารการจัดการด้านความปลอดภัยฯ
6) กำหนดการฝึกอบรม
หลักสูตรการฝึกอบรมสำหรับ ผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ช่วยเหลือและผู้ปฏิบัติงาน
จำนวน 4 วัน ระยะเวลา 24 ชั่วโมง ( ทฤษฎี15 ชั่วโมง ปฏิบัติ 9 ชั่วโมง ) ตามกฏหมายใหม่ 2564
15 ท่าน 37,500 บาท
30 ท่าน 47,500 บาท
ข้อหารือแรงงาน
รู้หรือไม่การอบรมการทำงานในที่อับอากาศ (นายจ้างจัดเอง) สามารถใช้ทำงานที่อื่นได้
Click การอบรมการทำงานในที่อับอากาศโดยนายจ้าง สามารถทำงานที่บริษัทอื่นได้
ความปลอดภัยในการทำงานที่สูง 15,000 บาท
หลักสูตร : ความปลอดภัยในการทำงานที่สูง
SMOHS 23
1) หลักการและเหตุผล
กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานในสถานที่ที่มีอันตรายจากการตกจากที่สูงและที่ลาดชันจากวัสดุกระเด็น ตกหล่น และพังทลาย
และจากการตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ พ.ศ. 2564
ข้อ 89 ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานในที่สูงจากพื้นดินหรือพื้นอาคารตั้งแต่ 2 เมตรขึ้นไป ให้นายจ้างจัดให้มีนั่งร้าน บันได ขาหยั่ง หรือม้ายืน ที่ปลอดภัยตามสภาพของงานสำหรับลูกจ้างในการทำงานนั้น
ข้อ 1 ในกฎกระทรวงนี้
“ทำงานในที่สูง” หมายความว่า การทำงานในพื้นที่ปฏิบัติงานที่สูงจากพื้นดิน หรือจากพื้นอาคารตั้งแต่สองเมตรขึ้นไป ซึ่งลูกจ้างอาจพลัดตกลงมาได้
“นั่งร้าน” หมายความว่า โครงสร้างชั่วคราวที่สูงจากพื้นดินหรือจากพื้นอาคาร หรือส่วนของสิ่งก่อสร้าง สำหรับเป็นที่รองรับลูกจ้าง วัสดุ หรือเครื่องมือและอุปกรณ์
ข้อ 2 นายจ้างต้องจัดให้มีข้อบังคับและขั้นตอนการปฏิบัติงานเพื่อความปลอดภัยในการทำงานในที่สูง ที่ลาดชัน ที่อาจมีการกระเด็น ตกหล่น หรือพังทลายของวัสดุสิ่งของ และที่อาจทำให้ลูกจ้างพลัดตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วย การระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงาน การวางแผนการปฏิบัติงาน และการป้องกันและควบคุมอันตราย รวมทั้งต้องอบรมหรือชี้แจงให้ลูกจ้างได้รับทราบก่อนเริ่มปฏิบัติงานและควบคุมดูแลให้ลูกจ้างปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และต้องมีสำเนาเอกสารดังกล่าวไว้ให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจสอบได้
ข้อ 3 นายจ้างต้องจัดให้มีอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่มีมาตรฐาน เหมาะสมกับสภาพของการทำงานในที่สูง ที่ลาดชัน ที่อาจมีการกระเด็น ตกหล่น หรือพังทลาย ของวัสดุสิ่งของ และที่อาจทำให้ลูกจ้างพลัดตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ และลักษณะ ของอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาที่ลูกจ้างทำงาน เช่น เข็มขัดนิรภัย เชือกนิรภัยหรือสายช่วยชีวิต หมวกนิรภัย รองเท้าชนิดหุ้มส้นพื้นยาง หรือถุงมือ และดูแลให้ลูกจ้างใช้อุปกรณ์นั้น ในกรณีที่ให้ลูกจ้างใช้เข็มขัดนิรภัยและเชือกนิรภัยหรือสายช่วยชีวิตพร้อมอุปกรณ์ประกอบ นายจ้างต้องจัดทำจุดยึดตรึงเชือกนิรภัยหรือสายช่วยชีวิตไว้กับส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคาร หรือโครงสร้างอื่นใด ที่มีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยต่อการใช้งาน
ข้อ 8 ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานในที่สูง นายจ้างต้องจัดให้มีนั่งร้าน หรือ ดำเนินการด้วยวิธีการอื่นใดที่เหมาะสมกับสภาพของการทำงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ลูกจ้ำง โดยต้องมีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัย
ข้อ 9 ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานในที่สูงตั้งแต่สี่เมตรขึ้นไป นายจ้างต้องจัดทำ ราวกั้นหรือรั้วกันตก ตาข่ายนิรภัย หรืออุปกรณ์ป้องกันอื่นใดที่เหมาะสมกับสภาพของการทำงำน ทั้งนี้ ต้องจัดให้มีการใช้เข็มขัดนิรภัยและเชือกนิรภัยหรือสายช่วยชีวิตพร้อมอุปกรณ์ตลอดระยะเวลา การทำงาน
2) วัตถุประสงค์
2.1 เพื่อความปลอดภัยของลูกจ้างที่ทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้างและเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกจ้างได้รับอันตรายจากการทำงานที่สูง
2.2 เพื่อให้ลูกจ้างทราบถึงอันตรายของการปฏิบัติงานที่สูงและความสำคัญของอุปกรณ์กันตก รู้จักวิธีใช้อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานที่สูงและสามารถปฏิบัติงานที่สูงได้อย่างปลอดภัย
2.3 สามารถวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงภายใต้สถานการณ์ปฏิบัติงานบนที่สูง เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดมาตรการป้องกันอุบัติเหตุและป้องกันความสูญเสียอันอาจจะเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน
3) ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมมีความรู้ มีความเข้าใจหลักการปฏิบัติงานบนที่สูง สามารถประเมินความเสี่ยงและกำหนดแนวทางมาตรการป้องกันการตก สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันการตกได้อย่างเหมาะสม มีความตระหนักในการป้องกันอันตรายสำหรับการปฏิบัติงานที่สูง
4) กลุ่มเป้าหมาย
ผู้ปฏิบัติงาน ผู้ควบคุมงาน หัวหน้างานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานที่สูง
5) วิทยากรผู้บรรยาย/ปฏิบัติ
ทีมงานวิทยากรที่มีประสบการณ์ตรงกับหน้างาน
6) กำหนดการฝึกอบรม
เวลา | หัวข้ออบรม/รายละเอียดการบรรยาย |
08.45 – 09.00 น. | ลงทะเบียน ทำแบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-Test) |
09.00 – 12.00 น. | กฎหมายความปลอดภัยในการทำงานที่สูง “กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ในสถานที่ที่มีอันตรายจากการตกจากที่สูงและที่ลาดชัน จากวัสดุกระเด็น ตกหล่น และพังทลาย และจากการตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรับวัสดุ พ.ศ. 2564 เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ในการทำงานของลูกจ้าง” คำนิยาม/ความหมาย/คำจำกัดความเกี่ยวกับการทำงานในที่สูง หน้าที่และความรับผิดชอบสำหรับการปฏิบัติงานบนที่สูง การประเมินควบคุมสำหรับการปฏิบัติงานที่สูง ระบบการขัดขวางการตกและระบบการการขัดขวางการป้องกันวัสดุสิ่งของตกจากที่สูง ระบบการยับยั้งการตก จุดยึดเกี่ยว ส่วนพยุงร่างกาย หลักการและวิธีปฏิบัติงานบนที่สูง – อุบัติเหตุและอันตรายในการทำงานเกี่ยวกับการทำงานบนที่สูง – แนวทางด้านความปลอดภัย ตามมาตรฐานการทำงานบนที่สูง – การประเมินความเสี่ยงจากการทำงานบนที่สูง – มาตรการการควบคุมความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง – ขั้นตอนการปฏิบัติในการทำงานบนที่สูง – อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลในการป้องกันการตกจากที่สูง |
12.00 -13.00 น. | พักกลางวัน |
13.00 – 16.00 น. | – ฝึกปฏิบัติการตรวจสอบความปลอดภัยก่อนปฏิบัติงานบนที่สูง – ฝึกปฏิบัติการสวมใส่เข็มขัดนิรภัยแบบเต็มตัว (Full Body Harness) – ฝึกปฏิบัติการปีนขึ้นที่สูง ( วิเคราะห์ JSA เพื่อประเมินความเสี่ยงสำหรับการปฏิบัติงานในที่สูงและจัดทำแผนความปลอดภัย แผนฉุกเฉิน ตามข้อกำหนดกฎหมาย) |
16.00 -16.30 น . | แบบทดสอบหลังเรียน (Post-Test) มอบใบประกาศนียบัตรสำหรับผู้ผ่านการฝึกอบรม |
หมายเหตุ *** พัก/Break ช่วงเช้า 10.30 -10.45 น. ช่วงบ่าย 14.30 -14.45 น. (ตามที่สถานประกอบกิจการกำหนด)
ราคา In house Training ราคาเริ่มต้น 15,000 บาท
ความปลอดภัยในการทำงานสำหรับลูกจ้างทั่วไปและลูกจ้างใหม่
หลักสูตร : ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานสำหรับลูกจ้างทั่วไป
และลูกจ้างเข้าทำงานใหม่ ตาม พ.ร.บ.ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย พ.ศ. 2554
SMOHS 13
พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 มาตรา 16 วรรคแรก บัญญัติไว้ว่า ให้นายจ้างจัดให้ผู้บริหาร หัวหน้างานและลูกจ้างทุกคนได้รับการฝึกอบรมความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้บริหารจัดการและดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานไดอย่างปลอดภัย
ในกรณีที่นายจ้างรับลูกจ้างเข้าทำงาน เปลี่ยนงาน เปลี่ยนสถานที่ทำงาน หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรเปลี่ยนแปลงหรืออุปกรณ์ ซึ่งอาจทำให้ลูกจ้างได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพอนามัย ให้นายจ้างจัดให้มีการฝึกอบรมลูกจ้างทุกคนก่อนเริ่มก่อนทำงาน
การฝึกอบรมตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
หลักการและเหตุผล
การพัฒนาบุคลากร การพัฒนาธุรกิจ การพัฒนาองค์กร การพัฒนาการบริหารการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อสู่ความมั่งคั่ง ความก้าวหน้า การเจริญเติบโตแบบมั่นคงและยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภายใต้กระบวนทัศน์ในการพัฒนาประเทศและการขับเคลื่อน แบบประชารัฐ โดยนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง “รู้จักเติม รู้จักพอ และรู้จักปัน” หรือที่เราเรียกว่าโมเดลประเทศไทย 4.0
การฝึกอบรมลูกจ้างไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างใหม่ ลูกจ้างทั่วไป นับว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพของลูกจ้าง ให้มีความรู้ (Knowledge) มีความเข้าใจ(Understand) เกิดทักษะ (Skill) และการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ(Attitude) เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม(Behavior)ที่ซ่อนอยู่หรือที่เราเรียกว่า การเรียนรู้แบบ Tacit Knowledge ให้เปลี่ยนเป็น ความรู้ที่ปรากฎชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) สามารถที่จะวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ที่ตนได้สัมผัส ได้รับรู้ ได้พบ ได้เห็น หรือได้รับมอบหมายงานจากหัวหน้างานหรือผู้บังคับบัญชา ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ ปัจจุบันส่วนหนึ่งผู้บริหารหรือหัวหน้างานพบว่า ลูกจ้างหรือพนักงานไม่เข้าใจคำสั่ง หรือไม่รู้ข้อเท็จจริงในกระบวนการทำงานจึงก่อให้เกิดความบกพร่องทางด้านกระบวนการคิด และส่งผลกระทบนานัปการกับองค์กร เช่น เกิดของเสียจากกระบวนการผลิต ผลผลิตต่ำกว่าเป้าหมาย คุณภาพของผลิตภัณฑ์ไม่ได้ตามข้อกำหนดของลูกค้า เกิดความล่าช้าในการทำงาน ไม่สามารถส่งมอบสินค้าให้ทันตามเวลา พนักงานเกิดประสบอันตรายจากการทำงาน หรือเกิดการรอคอยทำให้สูญเสียเวลา เสียโอกาส เพื่อลดความสูญเสีย ลดต้นทุน ลดการบาดเจ็บจากการเกิดประสบอันตรายจากการทำงาน สถานประกอบกิจการจำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรทั้งลูกจ้างใหม่ ลูกจ้างทั่วไป เพื่อให้เกิด KUSA ให้เกิดความตระหนักด้านความปลอดภัย( Safety Awareness) เพิ่ม/ เติมเต็มศักยภาพในการทำงานตาม บทบาทหน้าที่ อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้กับลูกจ้าง บริษัท เซฟตี้ มาสเตอร์ จำกัด สามารถที่จะให้คำแนะนำเรื่องดังกล่าวกับสถานประกอบกิจการโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติ
วัตถุประสงค์รายวิชา
- สร้างความตระหนักให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้เห็นถึงความสำคัญกับการบริหารการจัดการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการเพื่อลดอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับ คน เครื่องจักร ทรัพย์สินต่างๆ
- เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้รู้และเข้าใจกฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสีย สามารถปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับข้อกำหนดกฎหมาย กฎระเบียบข้อบังคับของบริษัท
- เพื่อให้ผู้เข้าอบรมนำองค์ความรู้จากการฝึกอบรมไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์จริงในทางปฏิบัติ
แนวทางการฝึกอบรม
1.กิจกรรมการบรรยาย ซัก/ถาม-ตอบปัญหา
คุณสมบัติของผู้เข้าอบรม/กลุ่มเป้าหมาย
ลูกจ้างใหม่ ลูกจ้างทั่วไป ผู้ควบคุมงานหรือผู้ที่สนใจ
ระยะเวลาในการฝึกอบรม 1 วัน (6 ชั่วโมง)
ราคาเริ่มต้น 15,000 บาท
วิทยากร อาจารย์ชเยศ แก้วลิบ
- วิทยากรสมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน ( ประเทศไทย )
- กรรมการบริหาร บริษัท เซฟตี้ มาสเตอร์ จำกัด
กำหนดการฝึกอบรม
| เวลา | หัวข้อการฝึกอบรม |
| 08.30-08.50 น. | ลงทะเบียนและทดสอบ Pre-Test |
| 08.50-10.30 น. | ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน |
| 10.35-10.45 น. | พัก |
| 10.45-12.00 น. | กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน |
| 12.00-13.00 น. | พักกลางวัน |
| 13.00-14.30 น. | (ต่อ) กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในกาiทำงานที่เกี่ยวข้องกับสถานประกอบกิจการ |
| 14.30-14.45 น. | พัก |
| 14.45-16.00 น. | ข้อบังคับว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน |
| 16.00-16.15 น. | ทำแบบทดสอบ Post Test |
| 16.15-16.00 น. | กิจกรรมถาม -ตอบ |
เทคนิคการขับรถยก (FORK LIFT) อย่างถูกวิธีและปลอดภัย
หลักสูตร: เทคนิคการขับรถยก (FORK LIFT) อย่างถูกวิธีและปลอดภัย
SMOHS 5
พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 มาตรา 16 วรรคแรก บัญญัติไว้ว่า ให้นายจ้างจัดให้ผู้บริหาร หัวหน้างานและลูกจ้างทุกคนได้รับการฝึกอบรมความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้บริหารจัดการและดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานได้อย่างปลอดภัย
ในกรณีที่นายจ้างรับลูกจ้างเข้าทำงาน เปลี่ยนงาน เปลี่ยนสถานที่ทำงาน หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรเปลี่ยนแปลงหรืออุปกรณ์ ซึ่งอาจทำให้ลูกจ้างได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพอนามัย ให้นายจ้างจัดให้มีการฝึกอบรมลูกจ้างทุกคนก่อนเริ่มก่อนทำงาน
การฝึกอบรมตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่องหลักสูตรการอบรมลูกจ้างซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถยก ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2567
หลักการและเหตุผล
ในยุคที่มีการแข่งขันทั้งด้านคุณภาพ (Quality) ต้นทุน/ราคา (Cost & Price) ความรวดเร็วในการส่งมอบสินค้าและบริการ Delivery on Time) รถยกหรือรถโฟล์คลิฟท์ นับว่าเป็นเครื่องจักรกลที่มีบทบาทมาก สถานประกอบกิจการได้นำเข้ามาใช้เป็นเครื่องทุ่นแรงในการยก เคลื่อนย้ายวัสดุสิ่งของกันมากขึ้นในภาคอุตสาหกรรม เพื่อลดความสูญเสีย ลดต้นทุน ลดการบาดเจ็บจากการเกิดประสบอันตรายจากการทำงาน สถานประกอบกิจการจำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรหรือผู้ที่รับผิดชอบในการขับขี่รถยก(Fork Lift) ให้เกิดความตระหนักด้านความปลอดภัย( Safety Awareness) ดังนั้นก่อนที่ผู้ควบคุมงานจะมอบหมายหน้าที่ให้ใครคนใดคนหนึ่งทำงานกับเครื่องจักร หัวหน้างานหรือผู้เกี่ยวข้องต้องฝึกอบรมให้พนักงานหรือลูกจ้างมีความรู้ มีความเข้าใจ และมีทักษะจนเป็นที่มั่นใจว่าเขาจะทำงานด้วยความปลอดภัย
วัตถุประสงค์หลักสูตร
- เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ มีความเข้าใจ วิธีการขับขี่รถยก อย่างถูกวิธีและปลอดภัย
- เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้ทราบถึงเทคนิค วิธีการตรวจสอบ การบำรุงรักษารถยกเบื้องต้นก่อนการใช้งาน
- เพื่อเพิ่มทักษะในการขับขี่และเสริมสร้างประสบการณ์ตรงในการปฏิบัติงาน
- เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ปลุกจิตสำนึกด้านความปลอดภัย สู่เส้นทางการทำงานแบบมืออาชีพ
- เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ เน้นการมีส่วนร่วมของผู้เข้ารับการฝึกอบรม
วัตถุประสงค์รายวิชา
-
- นายจ้างหรือผู้ควบคุมงานสามารถปฏิบัติให้สอดคล้องกับประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่องหลักสูตรการอบรมลูกจ้างซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถยก ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2567
- ผู้เข้าอบรมเข้าใจโครงสร้าง ส่วนประกอบของรถยก ปุ่มควบคุมต่างๆ และรู้จักวิธีการตรวจสอบ การบำรุงรักษาก่อนการใช้รถยกประจำวัน
- ผู้เข้าอบรมสามารถอธิบายสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้รถยกและสามารถบอกวิธีการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ SMOHS 5
- ผู้เข้าอบรมสามารถอธิบายประเภทของรถยก ความหมายของโค๊ดรถยก สามารถคิดคำนวณน้ำหนัก รู้วิธีและเข้าใจวิธีขับรถยกให้ปลอดภัย
แนวทางการฝึกอบรม
- กิจกรรมการบรรยาย ซัก/ถาม-ตอบปัญหา
- ภาคปฏิบัติ สาธิตการตรวจสอบรถยกเพื่อการบำรุงรักษาเบื้องต้นและการทดสอบทักษะการขับขี่รายบุคคล
การประเมินผลหลักสูตร
1.แบบทดสอบ Pre-Testและ Post Test
2. ทดสอบภาคปฏิบัติ
คุณสมบัติของผู้เข้าอบรม/กลุ่มเป้าหมาย
1.ผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการยก เคลื่อนย้ายวัสดุสิ่งของด้วยรถยก (Fork Lift)หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา
2.ต้องเป็นผู้ที่มีพื้นฐานในการขับขี่รถยก (Fork Lift) หรือเคยขับขี่รถยกมาก่อน
3. กรณีที่ไม่เคยขับรถยกมาก่อนต้องมีพื้นฐานการขับรถยนต์หรือมีใบขับขี่รถยนต์
ระยะเวลาในการฝึกอบรม 2 วัน (12 ชั่วโมง)
ราคาเริ่มต้น 25,000 บาท
วิทยากร อาจารย์ชเยศ แก้วลิบ
- กรรมการบริหาร บริษัท เซฟตี้ มาสเตอร์ จำกัด
เนื้อหาอบรมลูกจ้างซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถยก
ผู้เข้าอบรมจะได้รับการอบรมทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ รวมกันไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง แบ่งเป็นระยะเวลา 2 วัน ซึ่งมีข้อกำหนดเนื้อหาตามกรณี 3 กรณีดังนี้:
1. หลักสูตรอบรมความปลอดภัยในการขับรถยก การตรวจสอบและบำรุงรักษารถยก 12 ชั่วโมง (2 วัน)
เนื้อหาภาคทฤษฎี
- (ก) กฎหมายความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับรถยก กฎหมายเกี่ยวกับรถยกที่ใช้ก๊าซบิโตรเสียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานสัญลักษณ์ความปลอดภัย (ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง)
- (ข) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับประเภทของรถยกตามลักษณะการใช้งาน (ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง)
- (ค) ความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับรถยก กฎระเบียบและข้อบังคับในการทำงานเกี่ยวกับรถยก สาเหตุและกรณีศึกษาการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถยก และมาตรการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ (ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง)
- (ง) โครงสร้าง ส่วนประกอบ อุปกรณ์ แผงควบคุมบังคับ ระบบสัญญาณไฟเตือนของรถยกการใช้งาน การตรวจสอบ และการบำรุงรักษา ตามรายละเอียดคุณลักษณะและคู่มือการใช้งานเกี่ยวกับรถยกประเภทนั้น ๆ (ไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง 30 นาที)
เนื้อหาภาคปฏิบัติ
- (ก) โครงสร้าง ส่วนประกอบ การตรวจสอบ และการบำรุงรักษารถยกตามประเภทนั้นๆ ตามหลักสูตร (ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง)
- (ข) ฝึกปฏิบัติขับรถยกประเภทนั้น ๆ ตามเส้นทางตรง ทางโค้ง ทางแยก การหยุด การจอด การให้สัญญาณ การเดินหน้า การถอยหลัง และการยกเคลื่อนย้ายสิ่งของในลักษณะต่าง ๆ (ไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง 30 นาที)
ทดสอบหลังอบรม : ภาคทฤษฎี ต้องไม่น้อยกว่า 30 นาที , ภาคปฏิบัติ ต้องไม่น้อยกว่า 2 ชม. 30 นาที
2. กรณีเคยอบรมน้อยกว่า 12 ชั่วโมง
เนื้อหาภาคทฤษฎี
- (ก) กฎหมายความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับรถยก กฎหมายเกี่ยวกับรถยกที่ใช้ก๊าซบิโตรเสียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานสัญลักษณ์ความปลอดภัย (ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง)
- (ข) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับประเภทของรถยกตามลักษณะการใช้งาน (ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง)
- (ค) ความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับรถยก กฎระเบียบและข้อบังคับในการทำงานเกี่ยวกับรถยก สาเหตุและกรณีศึกษาการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถยก และมาตรการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ (ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง)
- (ง) โครงสร้าง ส่วนประกอบ อุปกรณ์ แผงควบคุมบังคับ ระบบสัญญาณไฟเตือนของรถยกการใช้งาน การตรวจสอบ และการบำรุงรักษา ตามรายละเอียดคุณลักษณะและคู่มือการใช้งานเกี่ยวกับรถยกประเภทนั้น ๆ (ไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง 30 นาที)
ทดสอบหลังอบรม : ภาคทฤษฎี ต้องไม่น้อยกว่า 30 นาที
3. กรณีใช้งานประเภทรถยกต่างจากเดิม
เนื้อหาภาคทฤษฎี
- (ง) โครงสร้าง ส่วนประกอบ อุปกรณ์ แผงควบคุมบังคับ ระบบสัญญาณไฟเตือนของรถยกการใช้งาน การตรวจสอบ และการบำรุงรักษา ตามรายละเอียดคุณลักษณะและคู่มือการใช้งานเกี่ยวกับรถยกประเภทนั้น ๆ (ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที)
เนื้อหาภาคปฏิบัติ
- (ก) โครงสร้าง ส่วนประกอบ การตรวจสอบ และการบำรุงรักษารถยกตามประเภทนั้นๆ ตามหลักสูตร (ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง)
- (ข) ฝึกปฏิบัติขับรถยกประเภทนั้น ๆ ตามเส้นทางตรง ทางโค้ง ทางแยก การหยุด การจอด การให้สัญญาณ การเดินหน้า การถอยหลัง และการยกเคลื่อนย้ายสิ่งของในลักษณะต่าง ๆ (ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง)
ทดสอบหลังอบรม : ภาคทฤษฎี ต้องไม่น้อยกว่า 30 นาที , ภาคปฏิบัติ ต้องไม่น้อยกว่า 2 ชม.

You must be logged in to post a comment.